โบแชมป์
(Beauchamp.
1975: 164-169) ได้ให้ความหมายของการนำหลักสูตรไปใช้ หมายถึง
การนำหลักสูตรไปปฏิบัติ โดยกระบวนการที่สำคัญที่สุดคือการแปลงหลักสูตรไปสู่การสอน
การจัดสภาพสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้ครูได้มีพัฒนาการเรียนการสอน
ในช่วงทศวรรษ 1940 และ 1950
ได้มีการวิจัยเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลกับนักเรียน
ซึ่งคุณสมบัติของครูที่จะสอนนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นประกอบไปด้วย
- ความมั่นคงทางอารมณ์
- เสียง รูปร่างหน้าตา
- ความน่าเชื่อถือ
- ความอบอุ่น
- ความกระตือรือร้น
ในช่วงปี 1980 และ 1990
เกิดการเปลี่ยนแปลงการสอนจากแบบพฤติกรรมนิยม (Behaviorist) เป็นแบบการเรียนรู้ด้วยปัญญา (Cognitive Learning Theory) ซึ่งเริ่มต้นการสอนด้วยการกำหนดมาตรฐานการสอน สะท้อนสิ่งที่ควรรู้
หลักสำคัญในการนำหลักสูตรไปใช้
(APEID. 1997: 29)
1. วางแผนและเตรียมการนำหลักสูตรไปใช้
โดยให้คนหลายกลุ่มเข้าร่วมแสวงหาการสนับสนุนจากประชาชนและจัดเตรียมทรัพยากรให้พร้อม
2.
จัดให้มีหน่วยงานส่งเสริมการนำหลักสูตรไปใช้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
การหาบุคลากรครูมาสอน
3.
กำหนดวิถีทางและกระบวนการการนำหลักสูตรไปใช้อย่างเป็นขั้นตอน มีการจูงใจครูและติดตามผลปฏิบัติงาน
วิชัย วงษ์ใหญ่ (2521:
140-141) ได้สรุปขั้นตอนการนำหลักสูตรไปใช้ให้บรรลุจุดหมายดังนี้
1. เตรียมวางแผนงาน
2. เตรียมจัดอบรม
3. การจัดครูเข้าสอน
4. การจัดตารางสอน
5. การจัดวัสดุประกอบหลักสูตร
6. การประชาสัมพันธ์
7. การจัดสภาพแวดล้อมและการเลือกกิจกรรมเสริมหลักสูตร
8. การจัดโครงการประเมินผล
กลวิธีในการจัดการเรียนการสอน
โดนัล คลาก (Donald
Clark 2004: 4) กล่าวถึงการจะจัดการเรียนการสอนให้ประสบความสำเร็จมีองค์ประกอบอยู่
3 ประการคือ
1. ความรู้ (Knowledge)
ผู้สอนจำเป็นต้องมีความรู้ เนื้อหาวิชาสาระในวิชาที่สอน
2. สิ่งแวดล้อม (Environment)
ผู้สอนจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนเข้าใจบทเรียนมากยิ่งขึ้น
3. ทักษะที่เกี่ยวข้อง (Involvement
skills) ผู้สอนจำเป็นต้องรู้จักผู้เรียน
เช่น ชื่อ ประวัติ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น
เพื่อช่วยให้ผู้สอนเข้าใจผู้เรียนมากยิ่งขึ้น
การเรียนการสอนตามแบบจำลอง
ADDIE
1. การวิเคราะห์ (A:
Analysis) โดยการวิเคราะห์และพิจารณาประเด็นต่างๆ
ดังนี้
- ความต้องการผู้เรียน
- กำหนดเนื้อหาทั้งหมดและเป้าหมาย
- ระบุระบบนิพนธ์และระบบการนำส่งบทเรียน
- วางแผนขอบเขตทั้งหมด
- วางแผนกลยุทธ์การประเมินทั้งหมด
2. การออกแบบ (D:
Design) เป็นขั้นตอนที่ดำเนินการต่างๆ
ที่จะนำไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้
- เขียนวัตถุประสงค์แต่ละหน่วย
- ระบุการปฏิสัมพันธ์ของบทเรียน
- สร้างแบบทดสอบวัดผล
- ออกแบบหน้าจอและกราฟิก
- ออกแบบเทมเพลทของบทเรียน
- เขียนผังงานบทเรียน
- เขียนบทดำเนินเรื่อง
- สร้างบทเรียนต้นแบบ
3. การพัฒนา (D:
Development) เป็นขั้นตอนที่นำผลลัพธ์ที่ได้จากขั้นตอนการออกแบบมาดำเนินการจริงเพื่อพัฒนาเป็นบทเรียนตามที่วิเคราะห์ไว้ในขั้นตอนแรก
เพื่อพัฒนาบทเรียนต้นแบบที่พร้อมจะนำไปทดลองใช้ในขั้นถัดไป
4. การทดลองใช้ (I:
Implementation) เป็นการนำบทเรียนไปพัฒนาขึ้นกับกลุ่มเป้าหมายตามวิธีการที่กำหนดไว้
5. การประเมินผล (E:
Evaluation) ประเมินผลบทเรียนและนำผลที่ได้ไปปรับปรุงคุณภาพบทเรียน
หลักการเบื้องต้นวิธีการสอนที่ได้ผล
มาร์ซาโนได้เสนอรูปแบบการสอนเป็นมิติการเรียนรู้
(Dimension
of learning) ที่ช่วยให้ครูผู้สอนมีแนวทาง
วิธีการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนดังนี้
มิติที่ 1 เจตคติและการรับรู้ (Attitude
and perception) การออกแบบหลักสูตรการเรียนรู้ต้องมีเป้าหมายสร้างเจตคติที่ดีและเชิงบวกต่อการเรียนรู้
มิติที่ 2
การแสวงหาความรู้และการบูรณาการความรู้ (Acquire and
Integrate Knowledge) การออกแบบหลักสูตรการเรียนรู้ต้องช่วยให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้ใหม่เข้ากับความรู้เดิม
จัดระบบข้อมูลได้อย่างมีเป้าหมายและเกิดความจำระยะยาว
มิติที่ 3
การขยายและปรับแต่งความรู้ (Extend and refine knowledge) การออกแบบหลักสูตรการเรียนรู้จะต้องทำให้ผู้เรียนมีประสบการณ์เพิ่มขึ้น
เชื่อมโยงกับความคิดที่สูงขึ้น ได้ทำกิจกรรมอย่างจริงจังในการใช้ความคิด
ความเป็นเหตุเป็นผล ได้แก่ การเปรียบเทียบ การจำแนกประเภท การคิดเชิงนามธรรม
การอุปนัย การนิรนัย การสร้างข้อสนับสนุน การวิเคราะห์ข้อบกพร่อง
การวิเคราะห์มุมมอง เป็นต้น
มิติที่ 4
การใช้ความรู้อย่างมีความหมาย (Use knowledge meaningfully) เพื่อให้การเรียนรู้เกิดประโยชน์สูงสุด ผู้เรียนต้องได้ใช้ความรู้ในการปฏิบัติภาระงานที่มีความหมายต่อตนเอง
เช่น การตัดสินใจ แก้ปัญหา ประดิษฐ์ สำรวจ ทดลอง วิเคราะห์ระบบ เป็นต้น
มิติที่ 5 จิตนักคิด (Productive
habits of mind) เป็นขั้นตอนที่ผู้เรียนนำความรู้มาคิดต่อยอดเป็นความรู้ใหม่ๆ
ได้แก่ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ คิดสร้างสรรค์ และจัดระเบียบการคิด)
การสอนโดยตรง
(Direct Instruction Methods)
รูปแบบ
1.
ผู้สอนเป็นผู้ควบคุมจุดประสงค์ของการเรียน การสอน
2.
ผู้สอนเป็นผู้เลือกสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะกับความสามารถของผู้เรียน
3.
ผู้สอนกำหนดอัตราการพัฒนาในการเรียนการสอนในแต่ละตอนได้
ควรนำมาใช้ในสถานการณ์ดังต่อไปนี้
1. การเรียนรู้ทักษะ สารสนเทศโดยเฉพาะ
2.
การเรียนการสอนต้องการให้เรียนรู้ทักษะ เช่น เครื่องชั่งสามแขน การใช้ไม้กวาด
การแปรงฟัน
3. คำนึงถึงความปลอดภัย เช่น ความร้อน
ความเย็น ของมีคม ยาเสพติด เป็นต้น
4. ต้องมีแรงจูงใจภายนอก เช่น การสาธิต
ตัวอย่างสถานการณ์
ขั้นตอนในการสอนโดยตรง
ขั้นที่ 1
การสร้างแรงจูงใจให้กับผู้เรียน
ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความตั้งใจในภาระงานที่ได้เรียนรู้และรับมอบหมาย
มีส่วนร่วมจนเสร็จสิ้น
ขั้นที่ 2
การนำเสนอข้อมูลใหม่ การถ่ายทอดความรู้ผ่านวิธีการต่างๆ เช่น การอธิบาย
การถามคำถาม การสาธิต ตำรา แบบฝึกหัด โสตทัศนูปกรณ์
ขั้นที่ 3
การแนะแนวทางการปฏิบัติ การให้ข้อมูลย้อนกลับและประยุกต์ใช้ เป็นการยืนยันความถูกต้องเพื่อความแน่ใจและการให้แนวคิดและข้อเสนอแนะ
เช่นการตอบคำถาม การแก้ปัญหา การสร้างโครงสร้าง ต้นแบบ วาดแผนภูมิ สาธิตทักษะ
แนวทางในการจัดการเรียนรู้แบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
จากกรอบทฤษฎี Constructivist ได้กล่าวถึงลักษณะของการเรียนรู้คือ
- ความรู้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
- บุคคลเป็นผู้สร้างความรู้
- การเรียนรู้ที่มีความหมายและต่อเนื่องกับพื้นฐานเดิมเป็นความรู้ที่คงทน
- บทบาทสำคัญของครูคืออำนวยการเรียนรู้
ซึ่งการจัดการเรียนรู้แบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองนั้น
เป็นการประยุกต์ทฤษฎีดังกล่าวกับการเรียนการสอน ช่วยให้ผู้เรียนสร้างความรู้
เข้าใจในสิ่งที่ตนเองเรียนรู้ด้วยตนเองและการเรียนรู้ต่างๆนั้นเกิดจากสภาพแวดล้อม
กิจกรรมที่คล้ายคลึงกับชีวิตประจำวันของเรา
ขั้นตอนในการเรียนรู้แบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
แบ่งออกเป็น 3 ขั้น
1.
การทำความรู้ที่มีอยู่ให้กระจ่างแจ้ง
ผู้เรียนมีความคิดดั้งเดิมและมีความจำเป็นต้องเลือกหรือปรับเปลี่ยนแนวคิดให้ยอมรับความรู้ทางวิชาการที่ถูกต้อง
แนวทางสำหรับขั้นตอนที่ 1
- สัมภาษณ์ อภิปรายกลุ่ม
- แบ่งกลุ่ม จำแนกข้อมูล
- แผนที่ความคิด ผังมโนทัศน์
- เหตุการณ์ที่ขัดแย้ง
2. การระบุ
การได้รับและการเข้าใจข้อมูลใหม่ เป็นการวางแผนแบบร่วมกัน
สร้างแรงจูงใจที่เข้มแข็ง
ผู้เรียนได้รับข้อมูลว่าต้องเรียนรู้อะไรจากหัวข้อบ้างหรืออภิปรายเป็นกลุ่มเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องเรียนรู้
ให้ขอบข่ายสาระสำคัญในการเรียนรู้
แนวทางสำหรับขั้นตอนที่ 2
- นักจัดการขั้นสูง
- การรู้คิด กำกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นผู้นำในการเรียนรู้ด้วยตนเอง
- เทคนิควิทยาศาสตร์ ใช้กิจกรรมเป็นฐานประกอบคำอธิบาย
ตัดสินด้วยตนเอง ปรัชญาส่วนบุคคล
3.
การยืนยันความถูกต้องและการใช้ข้อมูลใหม่
ผู้เรียนได้รับข้อมูลเพื่อสร้างองค์ความรู้
โดยความรู้นั้นเกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เกิดจากการประยุกต์ใช้กับสถานการณ์และปรับแต่งข้อมูลย้อนกลับที่ได้รับ
แนวทางสำหรับขั้นตอนที่ 3
- การเรียนรู้แบบร่วมมือ
- การทดลอง/การออกแบบและเทคโนโลยี
- วิธีการแบบบูรณาการ
- สาขาวิชา (แนวคิดหลัก)
การเรียนการสอนและกระบวนการเรียนรู้แบบ
John
Biggs’ 3-P model
บิ๊ก (Biggs.1996)
ได้เสนอแบบจำลอง 3P ประกอบด้วย Presage-Process-Product
Presage
เป็นการเรียนการสอนโดยทั่วๆ ไป
เป็นการประยุกต์การเรียนรู้ในการทำหน้าที่ของสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้
Process
เป็นการปฏิบัติภาระงาน ภายใต้การรับรู้ในบริบทการสอน แรงจูงใจในการเรียนรู้และการไขว่คว้า
ตลอดจนการตัดสินใจปฏิบัติโดยไม่ชักช้า
Product ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่เป็นทั้งความคิดในระดับต่ำและระดับสูง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น