จากคำบรรยายของรองอธิบดี
กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2545 ณ โรงแรมบางกอกพาเลซ
สรุปกระบวนการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาได้ดังต่อไปนี้
1. กำหนดวิสัยทัศน์ ภารกิจ/พันธกิจ
เป้าหมาย/จุดหมายและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน
- วิสัยทัศน์ หมายถึง เจตนารมณ์
อุดมการณ์ หลักการ
ความเชื่ออนาคตที่พึงประสงค์ที่จะสามารถสร้างศรัทธาและจุดประกายความคิด
ในการสร้างวิสัยทัศน์สถานศึกษาควรมีข้อมูลพร้อมทั้งด้านสังคม วัฒนธรรมและปรัชญา
เพื่อให้วิสัยทัศน์ที่บุคลากรในโรงเรียน
ชุมชนได้ร่วมกันสร้างขึ้นจะช่วยกำหนดทิศทางของโรงเรียนสอดคล้องกับความต้องการของทุกฝ่าย
- ภารกิจ/พันธกิจ หมายถึง
การแสดงวิธีดำเนินการที่สถานศึกษาจะจัดทำให้สอดคล้องกับหลักการ
- จุดหมายของหลักสูตร เป้าหมาย/จุดหมาย
เป็นข้อความที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อดำเนินการจัดการไปตาม
หลักสูตรแล้วผู้เรียนจะบังเกิดผลอะไรบ้าง
มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่นำไปสู่เป้าหมายหลักของหลักสูตรเพียงใด
- คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน
กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ตามระดับช่วงชั้นในแต่ละกลุ่มวิชาไว้เพื่อเป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่ผู้เรียนควรจะมี
แต่สถานศึกษาอาจกำหนดเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสมของแต่ละเขตพื้นที่หรือสถานศึกษา
2. จัดโครงสร้างของหลักสูตรสถานศึกษา
2.1
สาระการเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง รายวิชาหน่วยการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระ 8
กลุ่ม โดยจัดทำเป็นรายภาค/รายปี
2.2
กำหนดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผู้เรียนทุกภาคเรียน
2.3
กำหนดเวลาของแต่ละกลุ่มสาระ/ หน่วยการเรียนรู้/ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นรายภาค/
รายปี
โครงสร้างเวลาเรียน
การกำหนดเวลาเรียนและจำนวนหน่วยกิต
การจัดการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี
สถานศึกษาต้องตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
โดยเน้นให้ผู้เรียนมีทักษะในด้านการอ่าน การเขียน
การคิดเลข
การคิดวิเคราะห์ และการใช้คอมพิวเตอร์
ด้วยวิธีการสอนที่ยึดหัวข้อเรื่องจากกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์หรือสังคมศึกษาเป็นหลักตามความเหมาะสมของท้องถิ่น
บูรณาการการเรียนรู้ด้วยกลุ่มสาระต่างๆ เข้ากับหัวข้อเรื่องที่เรียนอย่างสมดุล
ควรกำหนดจำนวนเวลาเรียนสำหรับสาระการเรียนรู้รายปีดังนี้
ช่วงชั้นที่ 1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3
และช่วงชั้นที่ 2 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6
ควรกำหนดจำนวนเวลาสำหรับการเรียนตามสาระการเรียนรู้รายปีให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความจำเป็นในการสอนเพื่อเน้นทักษะพื้นฐาน
เช่น การอ่าน การเขียน การคิดเลข และการคิดวิเคราะห์ โดยเฉพาะช่วงชั้นที่ 1
ซึ่งจะต้องจัดให้ผู้เรียนเรียนอย่างสนุกเพลิดเพลิน
ในแต่ละคาบเวลาไม่ควรใช้เวลานานเกินช่วงความสนใจของผู้เรียน นอกจากนี้ ผู้สอนอาจจะจัดกิจกรรมเสริม
เช่น การฝึกให้เขียนหนังสือเป็นเล่ม เป็นต้น
การเรียนการสอนควรจัดกิจกรรมไปตามความสนใจของผู้เรียน
ในช่วงชั้นที่ 1 ผู้สอนควรเข้าใจจิตวิทยาการสอนเด็กเล็กอย่างลึกซึ้ง
สามารถบูรณาการกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ให้ผสมกลมกลืน ตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเด็กโดยเฉพาะ
แต่ต้องมุ่งเน้นทักษะพื้นฐานดังกล่าวด้วย สำหรับช่วงชั้นที่ 2
ผู้เรียนซึ่งได้ผ่านการเรียนการเล่นเป็นกลุ่มมาแล้ว
ในช่วงชั้นนี้จึงมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเริ่มทำงานเป็นทีม
การสอนตามหัวข้อเรื่องจึงเป็นเรื่องสำคัญ หัวข้อเรื่องขนาดใหญ่สามารถจัดทำเป็นหัวข้อย่อย
ทำให้ผู้เรียนรับผิดชอบไปศึกษาค้นคว้าตามหัวข้อย่อยเหล่านี้
เป็นการสร้างความรู้ของตนเองและใช้กระบวนการวิจัยควบคู่กับการเรียนตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. 2542 แล้วนำผลงานมาเสนอในชั้นเรียน ทำให้ผู้เรียนทุกคนได้เรียนรู้ผลงานของกันและกันในรูปแฟ้มสะสมผลงาน
การเรียนในช่วงชั้นที่ 3
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของการศึกษาภาคบังคับเป็นการเรียนที่มุ่งพัฒนาความสามารถ ความถนัดและความสนใจของผู้เรียน
นอกจากสถานศึกษาจะทบทวนการเรียนรู้ในกลุ่มสาระต่าง ๆ ที่ได้เรียนรู้ตามมาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้นที่กำหนดไว้แล้ว
จะต้องจัดการเรียนแบบบูรณาการเป็นโครงงานมากขึ้น
เป็นการเริ่มทำให้ผู้เรียนได้เข้าใจการศึกษาสู่โลกของการทำงานตามความต้องการของท้องถิ่นและสังคมนวัตกรรมด้านการสอนและประสบการณ์ในการทำงานด้านต่าง
ๆ แม้แต่การเรียนภาษาก็สามารถเป็นช่องทางสู่โลกของการทำงานได้
ต้องชี้แจงให้ผู้เรียนได้ทราบว่าสังคมในอนาคตจะอยู่บนพื้นฐานของความรู้
สถานศึกษาจึงต้องจัดบรรยากาศให้มีสภาพแห่งการเรียนรู้ที่สมบูรณ์ เป็นตัวอย่างแก่สังคม และควรจัดรายวิชาหรือโครงงานที่สนองความถนัด
ความสนใจของผู้เรียนเพิ่มขึ้นด้วย
การเรียนช่วงชั้นที่ 4
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สถานศึกษาต้องจัดการเรียนรู้เพื่อเตรียมตัวให้ผู้เรียนมีความพร้อมในการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นหรือการประกอบอาชีพ
ดังนั้นสถานศึกษาควรจัดการเรียนการสอนเพื่อมุ่งส่งเสริมความถนัดและความสนใจของผู้เรียนในลักษณะรายวิชาหรือโครงงาน
3.
จัดทำสาระของหลักสูตร
3.1
กำหนดผลการเรียนรู้ที่คาดหวังเป็นรายปี/ รายภาค
3.2
กำหนดสาระการเรียนรู้เป็นรายปี/ รายภาค
3.3
กำหนดเวลาและจำนวนหน่วยกิตสำหรับสาระการเรียนรู้เป็นรายปี/ รายภาค
3.4 จัดทำคำอธิบายรายวิชา
(ชื่อวิชา จำนวนเวลา/ หน่วยกิต ผลการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้ของรายวิชานั้นๆ)
4. ออกแบบการเรียนรู้
1) การจัดการเรียนการสอน
ได้แก่
1.1)
กำหนดรูปแบบการสอนด้วยวิธีสอนที่หลากหลาย
1.2) เน้นการจัดการเรียนการสอนตามสภาพจริง
โดยให้เป็นการเรียนรู้จากแหล่งธรรมชาติ ได้แก่
- การเรียนรู้ด้วยตนเอง
- การเรียนรู้ร่วมกัน
-
การเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง
-
การเรียนรู้จากรูปแบบการวิจัย
- การเรียนรู้แบบบูรณาการ
1.3)
เน้นการเรียนรู้คู่คุณธรรม
- นำกระบวนการจัดการ
กระบวนการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม กระบวนการคิดและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
สอดแทรกในกระบวนการเรียนการสอนทุก กลุ่มสาระการเรียนรู้
- เนื้อหาและกระบวนการต่างๆ
ข้ามกลุ่มสาระการเรียนรู้ในลักษณะ องค์รวม
-
การบูรณาการเป็นการกำหนดเป้าหมายเรียนรู้ร่วมกัน ยึดผู้เรียน เป็นสำคัญ
โดยนำกระบวนการเรียนรู้จากกลุ่มสาระเดียวกัน / ต่างกลุ่มมาบูรณาการในการ
จัดการเรียนการสอน
2) สื่อการเรียนรู้
ใช้ทุกประเภทที่มีอยู่ให้สอดคล้องและพัฒนาขึ้นใหม่
3) การวัดและประเมินผล
เป็นการวัดตามสภาพจริง (สอนอย่างไรวัดอย่างนั้น)
สถานศึกษาเป็นผู้ประเมินเองออกแบบเอง โดยใช้ Benchmark ตามมาตรฐานสาระการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ สำหรับ ม.ปลาย (ม.4-6)
ต้องออกแบบเป็นหน่วยกิตและต้องกำหนดว่า 1 หน่วยกิต = 40 คาบ
ส่วนระดับอื่นๆ
สามารถกำหนดได้เองและต้องออกแบบไว้ก่อนในขั้นตอนการเขียนหลักสูตร
กรณีที่นักเรียนย้ายโรงเรียน
ต้องกรอกแบบฟอร์มซึ่งส่วนกลางกำหนดให้เป็นแบบฟอร์มเดียวกัน
ประกาศนียบัตรยังคงใช้แบบเดิม
แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษามี 2 ระดับ
คือ ระดับ ม.ต้น และ ม.ปลาย โดยเก็บไว้ที่โรงเรียนเขตพื้นที่และกระทรวงศึกษาธิการ
สรุปว่า 1)
สถานศึกษาจะต้องทำหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติในการวัดและประเมินผลของ สถานศึกษา 2) การประเมินผลในระดับต่างๆ
- ระดับชั้นเรียน
- ระดับสถานศึกษา
- ระดับชาติ
5. ออกแบบกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
- กิจกรรมแนะแนว
- กิจกรรมนักเรียน
6. กำหนดรูปแบบ วิธีการ เกณฑ์การตัดสิน
เอกสารหลักฐานการศึกษา
-
เกณฑ์การผ่านช่วงชั้นและการจบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
- จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
จบการศึกษาภาคบังคับ
- จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน
7. พัฒนาระบบการส่งเสริมและสนับสนุน
7.1 กระบวนการแนะแนว
7.2
แหล่งการเรียนรู้และห้องสมุด
7.3 การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพ
-
นำไปผสมผสานกับการจัดการเรียนรู้
- การวิจัยเพื่อแก้ปัญหา/
เพื่อพัฒนาคุณภาพ
7.4 เครือข่ายวิทยาการ
8.
การเรียบเรียงเป็นหลักสูตรสถานศึกษาที่สมบูรณ์
โดยมีการเขียนเป็นหลักสูตรเรียงตามลำดับหัวข้อต่อไปนี้
8.1 วิสัยทัศน์ ภารกิจ
เป้าหมาย/จุดหมาย
8.2 คุณลักษณะอันพึงประสงค์
(ของนักเรียน)
8.3
รายวิชาตามกลุ่มสาระการเรียนรู้
8.4 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
8.5
การจัดการเรียนรู้และการส่งเสริมการเรียนรู้
8.6 การวัดและประเมินผล
8.7
การบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา
8.8 อื่นๆ
(รุจิร์ ภู่สาระ,
2546, หน้า 180-184)
กระบวนการวิเคราะห์มาตรฐานหลักสูตร
กระบวนการวิเคราะห์มาตรฐานหลักสูตรมีทั้งหมด
6 ขั้นตอน มีสาระสำคัญโดยสรุปดังนี้
1) การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน คือข้อมูลทางด้านความต้องการความจำเป็นและปัญหาทางสังคม
เศรษฐกิจ การเมืองและการปกครองตลอดจนนโยบายทางการศึกษาของรัฐ
ข้อมูลทางด้านจิตวิทยา ปรัชญาการศึกษา ความต้องการของผู้เรียน
ตลอดจนวิเคราะห์หลักสูตรเดิม เพื่อพิจารณาข้อบกพร่องที่ควรปรับปรุงแก้ไข
2) การกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
คณะกรรมการดำเนินงานจะต้องร่วมกันพิจารณากำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตรให้สอดคล้องกับข้อมูลพื้นฐาน
โดยจุดมุ่งหมายของหลักสูตรจะระบุคุณสมบัติของผู้ที่จบหลักสูตรนั้นๆ
มุ่งพัฒนาผู้เรียนทั้ง 3 ด้านคือ พุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย โดยกำหนดทั้งจุดมุ่งหมายทั่วไปและจุดมุ่งหมายเฉพาะแต่ละรายวิชา
ซึ่งจะเน้นการปฏิบัติมากขึ้นโดยคำนึงถึงพัฒนาการทางร่างกาย
และจิตใจตลอดจนปลูกฝังนิสัยที่ดีงามเพื่อให้เป็นพลเมืองดี
3)
การกำหนดเนื้อหาและประสบการณ์การเรียนรู้ หลังจากได้กำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแล้ว
ก็ถึงขั้นการเลือกสาระความรู้ต่างๆ
ที่จะนำไปสู่การพัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้เพื่อความสมบูรณ์ให้ได้วิชาความรู้ที่ถูกต้องเหมาะสม กระบวนการขั้นนี้
จึงครอบคลุมถึงการคัดเลือกเนื้อหาวิชาแล้วพิจารณาจัดลำดับเนื้อหาเหล่านั้นว่า
เนื้อหาสาระใดควรเป็นพื้นฐานของเนื้อหาใดบ้าง ควรให้เรียนอะไรก่อนอะไรหลัง
แล้วแก้ไขเนื้อหาที่ถูกต้องสมบูรณ์ทั้งแง่สาระและการจัดลำดับที่เหมาะสม
ตามหลักจิตวิทยาการเรียนรู้
4) การนำหลักสูตรไปใช้
เป็นขั้นของการแปลงหลักสูตรไปสู่การสอน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญ
และเกี่ยวข้องกับครูผู้สอน
หลักสูตรจะประสบผลสำเร็จมีประสิทธิภาพนั้นขึ้นอยู่กับผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอนจะต้องศึกษาทำความเข้าใจ และมีความชำนาญในการใช้หลักสูตร
ซึ่งครอบคลุมถึงการเตรียมการสอน การจัดการเรียนการสอน การจัดสภาพแวดล้อมต่างๆ
ภายในโรงเรียนเพื่อเสริมหลักสูตร การนิเทศการศึกษา และการบริหารการบริการหลักสูตร
ฯลฯ นอกจากนี้ในขั้นนี้ยังครอบคลุมถึงการนำหลักสูตรไปทดลองใช้ก่อนนำไปเผยแพร่ด้วย
ที่มา https://www.gotoknow.org/posts/498759
http://e-book.ram.edu/e-book/e/EA634/EA634-2.pdf
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น